วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
ศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ ฟันธงกทม.-นนท์-ปทุมฯ น้ำไม่ท่วม
วันที่ 12 ก.ย. น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมทางตอนบนของประเทศขณะนี้ปริมาณน้ำเริ่มลดลงแล้ว เนื่องจากการเกิดฝนตกทางภาคเหนือเริ่มหยุดแล้ว ส่วนการระบายน้ำก็เป็นไปตามแผน ซึ่งน้ำจากทางภาคเหนือได้ไหลลงมาตามลำน้ำผ่าน จ.พิษณุโลก และจ.สุโขทัย ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย ช่วงเดือนนี้เป็นช่วงเดือนน้ำหลาก ซึ่งจะมีปริมาณน้ำมากเป็นปกติทุกปีซึ่งพื้นที่ลุ่มต่ำก็จะมีน้ำท่วมขัง แต่เหตุการณ์ที่น้ำท่วมตัวเมืองสุโขทัยเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากกำแพงกั้นน้ำยังสามารถรับปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านได้แต่เกิดอุบัติเหตุน้ำมุดดินขึ้นมาจึงทำให้เกิดน้ำท่วมและคาดว่าจะใช้เวลาอุดจุดที่น้ำลอดใต้ดินขึ้นมาได้จะได้เวลาราว 2 วัน เมื่ออุดจุดที่น้ำลอดใต้ดินได้ในพื้นที่ลุ่มต่ำจะใช้วิธีสูบน้ำออก
ต่อข้อถามที่ว่าช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.2554 เป็นช่วงที่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งตรงกับช่วงเวลานี้พอดี และคาดว่าปีนี้สถานการณ์น้ำจะรุนแรงเมื่อปีที่แล้วหรือไม่ น.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันปีนี้น้ำจะไม่ท่วม จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี และกรุงเทพฯ เพราะปีนี้มีการระบายน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณน้ำ แม้ปีนี้จะมีปริมาณฝนมาก แต่เมื่อเทียบเกณฑ์เฉลี่ยของน้ำฝนพบว่ามีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปีที่แล้ว 30%
“ปีที่แล้วที่น้ำท่วมเกิดจากมีปริมาณน้ำท้ายเขื่อนมากบวกกับเขื่อนปล่อยน้ำมามากทำให้เกิดปริมาณน้ำที่มากจนเกิดเหคุการณ์น้ำท่วม ซึ่งต่างจากปีนี้ที่เขื่อนปล่อยน้ำอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่แม่น้ำต่าง ๆ รองรับได้เมื่อรวมกับปริมาณน้ำท้ายเขื่อนที่เกิดจากฝนตกก็ไม่ได้ส่งผลกระทบที่รุนแรง เนื่องจากขณะนี้ปริมาณไหลอยู่ที่ 1,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที โดยปีที่แล้วที่ทำให้เกิดน้ำท่วมปริมาณน้ำไหลอยู่ที่ 5,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ขณะที่ปีนี้หากจะเกิดน้ำท่วมต้องมีปริมาณน้ำไหลอยู่ที่ 3,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที”
ขณะที่ปัจจัยอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในปีนี้นั้น น.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า มีอยู่ 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.มีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ด้วยปริมาณ 100 มิลลิเมตร/ชั่วโมง 2.มีพายุเข้าประเทศไทยแบบเต็มๆ และ 3 ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณการไหลอยู่ที่ 2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1,800 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
ทั้งนี้ หากประชาชนมีความวิตกกังวลใจในเรื่องสถานการณ์น้ำ ขอให้เข้าดูข้อมูลที่เว็บไซต์
www.waterforthai.go.th เนื่องจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติส่วนกลาง และภูมิภาค หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเครือข่าย อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย จะแจ้งข้อมูลความเคลื่อนไหวของสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม 77 จังหวัดของประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้เข้าดูข้อมูลวันละ 10,000 uip และขณะนี้กำลังพัฒนาระบบให้รองรับการเข้าใช้งานได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับขั้นตอนการเข้าใช้มีดังนี้ 1.คลิกไปที่ชื่อจังหวัดที่ต้องการทราบสถานการณ์น้ำ เช่น จ.สุโขทัย 2.ภายในเว็บไซต์จะมีข้อมูลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของสถานการณ์น้ำ เช่น ระดับ 4 วิกฤติ, ระดับ 3 ร้ายแรง,ระดับ 2 ปานกลาง, ระดับ 1 เล็กน้อย, ไม่มีภัย, ภัยคุกคาม /เฝ้าระวัง
ขณะที่นายชยัณต์ เมืองสง ผู้อำนวยการก่อสร้าง 9 สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน ผู้ควบคุมโครงการซ่อมสร้างประตูระบายน้ำบางโฉมศรี กล่าวถึง กรณีที่มีปัญหาถุกน้ำกัดเซาะจนทางข้ามช่วงคอสะพานขาดในครั้งน้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา จนทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมเขตจ.ลพบุรี จนมาในปีนี้เป็นที่ตื่นตะหนกของชาวจ.ลพบุรีว่าในปีนี้น้ำจะพังข้ามไปอีกหรือไม่ ว่า ในปีนี้ในส่วนของการซ่อมช่องขาดที่มีปัญหาในปีที่ผ่านมาได้ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยการถมดินสูงกว่าระดับน้ำเมื่อปีที่ผ่านมาประมาณ1.5 เมตรและถมหนากว่าระดับเดิม เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าในปีนี้หากเกิดน้ำท่วมขึ้นมา ในส่วนนี้จะไม่มีปัญหาแน่นอน ส่วนการสร้างอาคารประตูระบายน้ำหลังใหม่นั้น เป็นโครงการสองปี จึงไม่เกี่ยวกับระบบป้องกันทางขาดและขณะนี้งานแล้วเสร็จไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น